การประมาณการบริโภค
สถานการณ์โลกในปัจจุบันนี้ โรคอ้วนได้ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากวิถีการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคโลกาภิวัตน์ ที่สื่อเข้ามามีบทบาทสำคัญและวัฒนธรรมการบริโภคอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลมากเกินไป อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีที่พร้อมอำนวยความสะดวก และละเลยการออกกำลังกาย
โรคอ้วนเป็นปัญหาที่มีผลกระทบทางตรงในเรื่องบุคลิกภาพและภาวะสุขภาพ โดยพบว่ามีสาเหตุที่เอื้อต่อการเกิดหลายด้าน ได้แก่
๑) สาเหตุของความอ้วนที่เกิดจากทางพฤติกรรม ซึ่งเกิดจากรูปแบบการดำเนินชีวิตที่ เปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบันเช่น พฤติกรรมในการบริโภค ด้านโภชนาการ การชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันและแคลอรี่สูง ทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ
๒) สาเหตุของความอ้วนที่เกิดจากจิตใจ เป็นภาวะทางอารมณ์ที่ไม่สามารถควบคุมความอยากอาหาร การรับประทานอาหารบ่อยครั้ง หรือรับประทานอาหารระหว่างมื้อ นิสัยการกินจุบกินจิบตลอดเวลา ทำให้รับประทานอาหารมากจนเกินความจำเป็น
๓) สาเหตุของความอ้วนที่เกิดจากด้านการเคลื่อนไหวของร่างกายในการใช้พลังงาน โดยปกติการใช้พลังงานในร่างกายประกอบด้วย ๓ ทางคือ พลังงานที่ร่างกายใช้ในการไปในการดำรงชีวิตในการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ พลังงานที่สูญเสียไปกับการเผาผลาญเมื่ออาหารเข้าสู่ร่างกาย และ พลังงานสำหรับการเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งมีความสำคัญอย่างมาก หากมีการใช้พลังงานส่วนนี้น้อย เกิดความไม่สมดุลของพลังงานที่เข้าสู่ร่างกายและพลังงานที่ใช้ไป ก็จะมีผลต่อภาวะอ้วนเป็นอย่างมาก
๔) สาเหตุของความอ้วนที่เกิดจากสังคม ที่ดำเนินไปตามกระแสวัฒนธรรมการบริโภคแบบตะวันตกและจากกลุ่มบุคคลผู้แสวงหาความมั่งคั่งของตน เป็นแรงยั่วยุให้มีการบริโภคมากเกินได้เช่นกัน
แนวทางสำคัญในการแก้ไขปัญหาโรคอ้วนอย่างยั่งยืน นั่นคือ การรู้จักประมาณในการบริโภคอาหาร ใน. “ คณกโมคคัลลานสูตร ”( ม.อ. ๒๒/๘๖/๑๓๘-๑๓๙.) พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัรราสก์ พระพุทธเจ้าตรัสว่า“ ภิกษุมาเถิด เธอจงเป็นผู้รู้จักประมาณในโภชนะ คือ พึงบริโภคอาหาร พิจารณาโดยแยบคายว่า เราบริโภคมิใช่เพื่อจะเล่น มิใช่เพื่อจะมัวเมา มิใช่เพื่อจะประดับ มิใช่เพื่อจะตบแต่งร่างกายเลย แต่เราบริโภคเพียงเพื่อร่างกายดำรงอยู่ เพื่อให้ชีวิตเป็นไปเพื่อบรรเทาความลำบาก เพื่ออนุเคราะห์พรหมจรรย์เท่านั้น ด้วยอุบายนี้ เราจะป้องกันเวทนาเก่า ไม่ให้เวทนาใหม่เกิดขึ้นและความเป็นไปแห่งชีวิต ความไม่มีโทษ ความอยู่สบาย จักมีแก่เรา ”
ในเสขปฏิปทาสูตร ( ม.ม. ๒0/๒๙/๔๔.) ผู้รู้ประมาณในการบริโภค พิจารณาโดยแยบคายแล้วกลืนกินอาหาร ไม่ใช่เพื่อจะเล่น เพื่อจะมัวเมา เพื่อความผ่องใส เพื่อความงดงาม เพียงเพื่อความดำรงอยุ่แห่งกายนี้ เพื่อให้กายนี้เป็นไปได้ เพื่อบำบัดความอยากอาหาร เพื่ออนุเคราะห์พรหมจรรย์ ด้วยคิดว่าจักกำจัดเวทนาเก่าเสียด้วย จักไม่เวทนาใหม่เกิดขึ้นด้วยความเป็นไปแห่งอริยาบถ ความเป็นผู้ไม่มีโทษและความอยู่เป็นผาสุก มีแก่เราว่าเป็นผู้รู้ประมาณในการบริโภค
ด้วยหลักการบริโภคอาหารตามแนวทางพระพุทธศาสนาดังกล่าวนี้ เมื่อศึกษาและปฏิบัติตามด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้ว นำไปสู่การไม่เป็นผู้บริโภคอาหารด้วยกิเลสและตัณหา หากแต่เป็นการบริโภคที่ใช้สติปัญญา ความพอดีในการบริโภคอาหารย่อมเกิดขึ้น การรับประทานอาหารจึงมีความสมดุล พอเพียงต่อความต้องการของร่างกาย และเป็นการบริโภคตามแนวทางสายกลาง ที่ช่วยแก้ปัญหาโรคอ้วนได้อย่างยั่งยืนแท้จริง